หลักการทำงานของไส้กรอง RO (Reverse Osmosis), เมนเบรน RO, เครื่องกรองน้ำ RO, ไส้กรองน้ำ RO

หลักการทำงานของไส้กรอง RO (Reverse Osmosis)

การทำงานของไส้กรอง RO, Reverse Osmosis, เครื่องกรองน้ำ RO, RO เมนเบรน, ตู้กดน้ำดื่ม, ตู้น้ำหยอดเหรียญ

การกรอง RO (Reverse Osmosis)
การทำงานของระบบ Reverse Osmosis เป็นการกรองอย่างละเอียดที่ให้คุณภาพน้ำสะอาดบริสุทธิ์ถึง 99.999 % ด้วยความละเอียดของไส้เมมเบรนถึง 0.0001 ไมครอนทำให้มั่นใจได้ถึงคุณภาพของน้ำดื่ม

Chart การกรองสิ่งเจือปนของเครื่องกรองน้ำ, ความละเอียดของการกรองน้ำ, กรอง UF, กรอง RO, กรอง nano

Chart การกรองสิ่งเจือปนชนิดต่างๆของเครื่องกรองน้ำ

สิ่งเจือปนที่มากับน้ำนั้นมีมาหลายชนิดหลายขนาด การเลือกเครื่องกรองน้ำและตู้กดน้ำดื่มแต่ละชนิดจึงควรเลือกจากจุดประสงค์และความเหมาะสมในการใช้เทียบกับ ความละเอียดสูงสุดของเครื่องกรอง เช่น เครื่องกรอง RO และ UV นั้นต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน เมื่อเลือกเครื่องกรอง RO หรือ UV นั้นต้องมั่นใจว่าบริเวณนั้นมีปลั้กไฟฟ้าต่อถึง หรือ ต้องการผลิตน้ำดื่มให้กับผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ ก็อาจจะเลือกเครื่องกรอง RO ซึ่งสามารถกรองได้ละเอียดที่สุด ส่วนเครื่องกรองน้ำแบบ UF หรือ Nano นั้นไม่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงานแต่ก็สามารถกรองเชื้อโรคและแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี ปลอดภัยแก่การดื่มกิน อีกทั้งมักจะมีขนาดที่เล็กลง สะดวกในการติดตั้งและใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยมีทั้งแบบติดตั้งใต้ซิงค์, ต่อปลายก๊อกน้ำซิงค์, ติดตั้งอยู่ภายในตู้กดน้ำดื่ม

คุณประโยชน์จากการดื่มน้ำ, ตู้กดน้ำดื่ม, เครื่องกรองน้ำ

คุณประโยชน์จากการดื่มน้ำ

5 คุณประโยชน์จากการดื่มน้ำ

“ดื่มน้ำสิดี มีประโยชน์” เป็นสิ่งที่เรารู้กันดีอยู่แล้ว แต่อาจจะรู้มากรู้น้อยต่างกันไป ความจริงแล้ว “น้ำ” เป็นเครื่องดื่มง่าย ๆที่ให้ประโยชน์สารพัด ตั้งแต่เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น เป็นยาแก้สารพัดโรค ไปจนถึงเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มในยามที่ ไม่รู้จะดื่มอะไรดี

คุณประโยชน์ของน้ำนี่อาจต้องใช้เวลาทั้งวันสาธยาย ก็อาจจะยังพูดไม่จบ เพราะน้ำเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณที่คาดไม่หมดแต่ก็สามารถแบ่งได้เป็น 5 คุณประโยชน์หลัก ที่พอจะบอกกล่าวได้ว่าน้ำนั้นมีดีอะไรบ้าง

1. น้ำ…ยาดีที่อยู่ใกล้ตัว บางคนอาจจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่า น้ำช่วยรักษาโรคได้ แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ทำให้หายเจ็บปวดในทันที แต่อาการเจ็บป่วยบางอย่างสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการดื่มน้ำนะ ไม่ว่าจะเป็น ปวดศีรษะ ปัญหาระบบย่อยอาหาร ความดันโลหิตต่ำ ไมเกรนและที่แน่ ๆ น้ำช่วยรักษาปัญหาผิวหนังได้อย่างแน่นอน เพราะน้ำจะไปช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกน้ำ รักษาโรคแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก แต่อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะบรรเทาเบาบางไปได้ ก็ต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1 – 2 ลิตรนะ

2. น้ำลดปวดศีรษะ น้ำนอกจากจะช่วยลดความร้อนในร่างกาย และเพิ่มความสดชื่นแล้ว น้ำยังมีประโยชน์ต่อคนที่ปวดศีรษะเป็นประจำ หรือคนที่เป็นโรคไมเกรนได้ดีอีกด้วย หากได้ดื่มน้ำเป็นประจำ ก็จะช่วยให้อาการปวดไมเกรนลดลงได้บ้าง เพราะผลการวิจัยบอกว่าในรายที่ ป่วยเป็นโรคไมเกรน หากร่างกายขาดน้ำก็จะยิ่งปวดไมเกรนมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำเพื่อช่วยลดอาการดังกล่าว

3. สมาธิเกิดได้ด้วยน้ำ เชื่อหรือไม่ว่า น้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในร่างกายของคนเราจะช่วยเพิ่มความสดชื่นกับร่าง กายแล้ว น้ำยังช่วยทำให้จิตใจของเราผ่อนคลาย ลดความเครียด และเกิดสมาธิ
นอกจากจะเกิดประโยชน์กับคนในวัยทำงานเท่านั้น แต่คนที่อยู่ในวัยเรียน ก็จำเป็นต้องมีสมาธิ จึงไม่ควรพลาดที่จะดื่มน้ำ เพื่อปรับสมดุลให้กับทั้งร่างกายและจิตใจ

4.น้ำช่วยย่อยอาหาร หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าการดื่มน้ำหนึ่งแก้วในตอนเช้าจะช่วยให้ระบบการ ย่อยอาหารของเราทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น น้ำยังช่วยให้รู้สึกสบายกระเพาะด้วย เพราะน้ำจะ
ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของเราทำหน้าที่ได้ดี อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคกรดไหลย้อนกลับ ที่หลาย ๆ คนมักจะเป็น หรือกลัวที่จะเป็น น้ำจะช่วยป้องกันไม่ได้เกิดอาการเหล่านั้นได้

5. ผิวใสสุขภาพดี ทุกคนต่างก็รู้ถึงคุณประโยชน์ของน้ำในแง่ที่ช่วยให้ผิวพรรณดีกันอยู่แล้ว และยังเชื่อกันว่า หากผิวที่สดใสของเราได้รับน้ำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องและเพียงพอก็จะช่วยให้ สดใสยิ่งขึ้น น้ำยังจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี หน้าตาสดใสบ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีสุขภาพดี น้ำนั้นมีคุณประโยชน์ต่อผิวหนังของเรา เพราะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง และยังช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายด้วย

เห็นคุณประโยชน์ที่มีมากมายหลายหลากของน้ำขนาดนี้ ก็ไม่ควรพลาดที่จะดื่มน้ำเพื่อเสริมสร้างความสดชื่นให้กับสุขภาพที่ดีของคุณ และควรเลือกดื่มน้ำที่สะอาด ปลอดภัยไร้สารตกค้าง โดยควรเลือกใช้ตู้กดน้ำดื่มและเครื่องกรองน้ำที่มีมาตรญานและปลอดภัยเท่านั้น

ที่มา : http://blog.th.88db.com/?p=1541

NSF_WQA_Water_Purifier

ทำความรู้จักมาตรฐานน้ำดื่ม NSF และ WQA ในเครื่องกรองน้ำและตู้กดน้ำดื่ม

NSF ย่อมาจาก National Science Foundation

WQA ย่อมาจาก Water Quality Association

ทั้งสองเป็นองค์กรหลักเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของน้ำดื่ม นอกเหนือจาก UL (Underwriters Laboratories) และ ANSI (American National Standards Institute) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำงานใกล้ชิดกับ NSF เพื่อพัฒนามาตรฐานน้ำดื่มให้ปลอดภัยสูงสุด

NSF หรือ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 2493 ปัจจุบันตั้งอยู่ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย วัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและงานด้านการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มีการกำหนดมาตรฐานการทดสอบร่วมกับสถาบัน ANSI เช่น ANSI/NSF 42 ที่ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อลดระดับสารปนเปื้อนในน้ำดื่ม เนื่องจากค่าปนเปื้อนในน้ำมีเพิ่มมากขึ้นจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ การกำหนดมาตรฐานจึงต้องปรับปรุงตลอดเวลา NSF ให้การรับรองคุณภาพของน้ำโดยอ้างอิงมาตรฐานของ ANSI เป็นหลัก คณะกรรมการของ NSF ประกอบด้วยตัวแทนจากผู้ผลิต ผู้บริโภค เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันร่างกฎเกณฑ์และพัฒนาคุณภาพของน้ำ เป็นที่ยอมรับทั่วโลก เนื่องจากเป็นหน่วยงานอิสระที่เป็นกลาง

WQA หรือ สมาคมคุณภาพน้ำดื่ม เป็นหน่วยงานภาคเอกชน ใช้มาตรฐานที่กำหนดโดยผู้ผลิต ครอบคลุมมาตรฐานการทดสอบ การจำหน่ายและบริการ มีสมาชิกเป็นผู้ร่างระเบียบและกฎเกณฑ์ ให้การรับรองมาตรฐานที่เกี่ยวกับการผลิต การติดตั้ง การขาย เป็นต้น ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้บริโภคและผู้ผลิต ตั้งมาตรฐานโกลด์ซีลให้กับผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดปริมาณสิ่งปนเปื้อน ใช้วัสดุที่มีความคงทนและปลอดภัย เป็นมาตรฐานความปลอดภัยกว้างๆ ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนและลงลึก

ความแตกต่างที่เด่นชัด คือ NSF ให้ความสำคัญเกี่ยวกับรายละเอียดและวัตถุดิบของวัสดุของเครื่องกรองน้ำหรือตู้กดน้ำดื่มทุกชนิดที่สัมผัสกับน้ำ เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่มีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นพิษ

ส่วน WQA ไม่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสิ่งปนเปื้อนที่มีผลต่อสุขภาพ เนื่องจากไม่ได้กำหนดค่าสูงสุดของสิ่งปนเปื้อนในน้ำ หรือ Maximum Contamination Level (MCL) ในขณะที่ NSF ได้กำหนดอย่างชัดเจนเกี่ยวกับค่าสูงสุดของสิ่งปนเปื้อนในน้ำ หรือ Maximum Contamination Level (MCL)

นอกจากนี้ มาตรฐาน WQA S-300 ยังไม่ได้พูดถึงสิ่งปนเปื้อนในน้ำดื่มที่เป็นสารโลหะหนัก สารเคมี และสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพ ในขณะที่ NSF กล่าวถึงในมาตรฐาน ANSI/NSF 58 เช่น แบเรียม แคดเมียม เฮกซ่าวาเลนท์โครเมียม ไตรวาเลนท์โครเมียม ทองแดง ฟลูออไรด์ ตะกั่ว ปรอท ไนเตรทผสมไนไทรท์ สิ่งปนเปิ้อนอินทรีย์ 39 ชนิด แร่เรเดียม เซเลเนียม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การรับรองของ NSF สามารถเลือกรับรองเฉพาะมาตรฐานหรือหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งตามต้องการได้ ดังน้ั้น ผู้บริโภคจะต้องเรียนรู้ให้ดีว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องกรองน้ำหรือตู้กดน้ำดื่มที่ได้รับการรับรอง NSF นั้นได้รับการรับรองภายใต้หัวข้อใด เพราะมาตรฐานความปลอดภัยของแต่ละหัวข้อไม่เท่ากัน ตัวอย่างมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ครอบคลุมเรื่องสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย คือ ภายใต้หัวข้อ ANSI/NSF 42 หรือ 58 ส่วนในระบบอุตสาหกรรม NSF อาจรับรองเฉพาะจุด ไม่รับรองทั้งระบบก็ได้ ผู้บริโภคควรต้องตรวจสอบให้ดีว่าสถานที่ผลิตเครื่องกรองน้ำหรือตู้กดน้ำดื่มที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยทั้งหมดหรือบางจุดเท่าน้ัน และภายใต้มาตรฐานใด

การดื่มน้ำเพื่อรักษาโรค

การดื่มน้ำเพื่อรักษาโรค

การดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง การดื่มน้ำ เมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะอาหารเพื่อรักษา สุขภาพ ที่ดีนั้น ทุกวันนี้เป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่น โดยชาวญี่ปุ่นนิยม ดื่มน้ำ ทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า(ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพ ที่ดี

มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่า น้ำ สามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถ บำบัดรักษาโรค เหล่านี้ได้ผล 100% (แบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) เช่น อาการปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็ว โรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไตและยูริก โรคแสลงคลื่นไส้ต่าง ๆโรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวงทวาร โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตาโรคภายในสตรี โรคมะเร็ง อาการรอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก

วิธีการปฏิบัติ

1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ ดื่มน้ำ 4 แก้ว ( 640 ซีซี )
2. หลังจากนั้นสามารถและล้างหน้าอาบน้ำได้ แต่ต้องไม่ดื่มหรือรับประทานอะไรจนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทาน อาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว 15 นาทีไม่ควร ดื่มน้ำ หรือรับประทานอะไร จนกว่า 2 ชั่วโมงผ่านไป
4. ผู้ป่วย หรือคนชรา ที่ไม่สามารถ ดื่มน้ำ 4 แก้ว ก็ให้ค่อย ๆ ดื่มค่อยเป็นค่อยไปเรื่อย ๆ จนได้ครบ 4 แก้ว

ข้อปฏิบัติ 4 ข้อดังกล่าวจะทำให้ท่านบำบัดรักษาโรคที่เป็นอยู่อย่าค่อยเป็นค่อยไป และหายขาดได้ในที่สุดทำให้ คุณภาพชีวิต ดีขึ้น และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ทั้งสิ้นเพียงแต่อาจปัสสาวะบ่อยขึ้น และหลัง ดื่มน้ำ ไปแล้วประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง